ภาคธุรกิจถวายระฆัง-รอยพระพุทธบาทหินเขียว “หลวงพี่เอก” สำนักสงฆ์บุญพาเจริญ เชียงแสน บอกบุญบูรณะศาลาพระธาตุ 100 ปี พายุถล่ม ปัจจัยอาหารหมาแมวที่มีคนมาปล่อยหลายสิบตัว
***เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 พ.ค.2567 ที่ศาลาปฏิบัติธรรม สำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) บ้านไร่ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นายสฎากรณ์ ดังวัธนาวณิชย์ ผู้บริหาร บริษัท อิมพีเทรด จำกัด และบริษัทในเครือ ได้แก่ IKKอะไหล่แอร์ ผลิตภัณฑ์มิสเตอร์ เจ๊ท คลู คอมฯตราหมีชูหัวแม่มือ DiNAMIC ไดนามิก KEMIC (คีมิก) EDEN (อีเดน) พร้อมครอบครัว ได้แก่ คุณแม่บุญมี ดังวัธนาวณิชย์ คุณสฎากรณ์ ดังวัธนาวณิชย์ คุณสายใจ เงินมาก คุณลัญจน์ฌญา ดังวัธนาวณิชย์ คุณณัฐพล ดังวัธนาวณิชย์ คุณณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์ คุณอดิศร ทัศนเสถียร คุณแม่ประยูร เงินมาก คุณศิวิลัย ธัมมะ คุณจันทรา เงินมาก คุณศิริวลี ธัมมะ คุณเขมรุจิ ไวศยกูลกิจ ร่วมกันถวายระฆังแก่ พระเมธวัจน์ พุทธิโก เจ้าสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) โดยมีนายณัทพงศ์ ทัศนเสถียร บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์รวมพลังเชียงราย เป็นผู้แทนนำถวาย ในโอกาสเดียวกัน สล่าองอาจ อินต๊ะวงค์ ประธานชมรมเปตอง เชียงแสน เชียงของ เวียงชัย ช่างแกะสลักหิน ชาวอำเภอเชียงของ ผู้แกะสลักรอยพระพุทธบาทหินเขียว พร้อมสมาชิกเปตอง 3 อำเภอ ร่วมถวายรอยพระพุทธบาทหินเขียวแก่พระเมธวัจน์ พุทธิโก เจ้าสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) ด้วย
***ในการนี้ พระเมธวัจน์ พุทธิโก เจ้าสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) ได้อนุโมทนาบุญแก่คณะผู้นำถวายพระพุทธบาตรสลักหินเขียว และระฆัง พระสงฆ์ 10 รูป นำโดยพระอธิการสุขคำ สุขจิโต เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ สวดเจริญพระพุทธมนต์ สวดบังสุกุลให้ผู้ล่วงลับตามประสงค์ของเจ้าภาพ สวดอนุโมทนา หลังจากนั้นคณะทั้งนั้นได้ทำพิธีถวายพระพุทธบาทหินเขียวและระฆังที่ลานประดิษฐานแด่ พระเมธวัจน์ พุทธิโก เจ้าสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) เป็นอันเสร็จพิธี
***พระเมธวัจน์ พุทธิโก อายุ 54 ปี เจ้าสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) กล่าวว่า สำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (พระธาตุม่อนต้นต้อง)ตั้งอยู่ระหว่าง บ้านไม่ หมู่ 7 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เดิมซาวบ้านเรียกกันว่า พระธาตุม่อนต้นต้องซึ่งบริเวณโดยรอบสำนักสงฆ์เป็นสถานที่เก่าแก่มีต้นต้องขึ้นอยู่จำนวนมาก จึงเรียกบริเวณนี้ว่า “ม่อนต้นต้อง” มีปูชนียสถานสำคัญตั้งอยู่บนยอดเนินดอย เป็นพระองค์พระธาตุเก่าแก่มีอายุกว่า 200 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2508-2566 หลวงพ่อชุมได้ขนดินองค์พระธาตุและจำพรรษาอยู่ที่แห่งนี้ หลังจากท่านมรณภาพลงแล้วต่อมาในปีพ.ศ.2535 พระอาจารย์สมบูรณ์ ได้ขึ้นมาปฏิบัติบัติธรรม แล้วท่านก็กลับไปจำพรรษาที่บ้านเกิด ต่อมาพระอาธารย์สุขคำ สุจิตโต ได้มาจำพรรษาอยู่หลายปีแล้วย้ายลงไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีดอนมูล บ้านไร่ หมู่ 7 จึงไม่มีพระจำพรรษาอยู่ทำให้ทรุดโทรมรมลง จนต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2540 พระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะอำเภอเชียงแสน เป็นสะพานบุญแนะนำให้คุณโยมปราณี-คุณโยมศักดิ์ชัย วิริยะอาภา พร้อมด้วยคณะบุญภาเจริญได้มาทำการบูรณะองค์พระธาตุใหม่ จนได้บรรจุพระพุทธรูป และได้ยกฉัตรพระธาตุในปีพ.ศ. 2542 หลังจากนั้นก็มีพระสงฆ์มาจำพรรษาอยู่อีกหลายรูป แต่ก็อยู่ไม่นานก็ปล่อยให้รกร้างทรุดโทรมลงอีก ต่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2558 พระเมธวัจน์ พุทธิโก ได้มาจำพรรษาอยู่ และได้บูรณะปฏิสังขร พระธาตุ พระวิหาร และเสนาสนะต่างๆที่ชำรุดทรุดโทรม และได้จำพรรษาอยู่จนมาถึงปัจจุบัน
***พระเมธวัจน์ พุทธิโก กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) ได้ดำเนินการเพื่อขอขึ้นทะเบียนเป็นวัดกับทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงราย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการอยู่ ส่วนสถานที่ตั้งของสำนักสงฆ์บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) เป็นผืนป่าเนินดอย ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ มีเพียงโรงเรือนหลังคาเมททัลชีล โครงเหล็ก ก่ออิฐบล็อก คลุมด้วยสแลน มีพระจำพรรษาอยู่เพียงองค์เดียวคือตนเอง มีชาวบ้านมาช่วยดูแลช่วยเหลืออยู่ 2-3 คน มีโยมอุปัฏฐาก มาช่วยบริจาคปัจจัยในการพัฒนาพื้นที่ และมอบของจำเป็นใช้ในทางพุทธศาสนา มอบที่ดินด้านล่างม่อนดอยให้ตนดูแล ซึ่งตนเองก็ได้นำมาพัฒนาเป็นสนามฟุตบอล สนามวอลเลย์บอล สนามเปตอง ในส่วนของแหล่งน้ำในพื้นที่ดังกล่าวได้นำมาพัฒนาเป็นสถานที่แข่งเรือพาย มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ชมรมกีฬาต่างๆ และประชาชนในพื้นที่มาใช้พื้นที่เพื่อการเล่นกีฬาและออกกำลังกาย โดยเฉพาะเยาวชนมีโครงการกีฬาต้านยาเสพติด ที่มีการแข่งขันฟุตบอลทุกเดือน และการแข่งขันเปตองในภาคประชาชนจากชมรมเปตองอำเภอต่างๆด้วย
***ในส่วนพื้นที่ทางขึ้นเนินดอยได้ทำกรงเลี้ยงสุนัขและแมวที่มีคนเอามาปล่อยทิ้งไว้ เป็นภาระให้พระต้องมาเลี้ยงดูสัตว์ที่ถูกนำมาปล่อยทิ้งแถวนี้ มีจำรวนหลายสิบตัว ขาดแคลนปัจจัยในการจัดการอาหารให้สุนัขกับแมว ได้บอกบุญไปก็มีคนรักสัตว์และมูลนิธิสัตว์เข้ามาช่วยเหลือพอสมควรแต่ก็ยังไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ขอบอกบุญไปยังศาสนิกชนผู้มีศรัทธา ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ปัจจัยเพื่อซ่อมแซมบูรณะปฏิสังขร ศาลาบนสถานที่ตั้งพระธาตุที่พังทลายลงเนื่องจากพายุฝนลมแรงที่ตกลงมาอย่างหนัก จนทำให้หลังคาปลิวหลุดและพังทลายลงมา พระเมธวัจน์ พุทธิโก กล่าว
***สล่าองอาจ อินต๊ะวงค์ กล่าวว่า รอยพระพุทธบาทขนาด ยาว.2.5 เมตร กว้าง 1.7เมตร ทำมาจากหินสีเขียวก้อนใหญ่หนัก 1 ตันเศษ ตนเองเป็นผู้แกะสลัก ใช้เวลา 3 เดือนจึงแล้วเสร็จ นำมาถวายให้แก่ “หลวงพี่เอก” พระเมธวัจน์ พุทธิโก เพื่อนำมาประดิษฐาน ณ สำนักสงฆ์ บุญพาเจริญ (ม่อนต้นต้อง) เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้มาสักการะ ปฎิบัติธรรม
***ผู้ประสงค์ถวายปัจจัยเพื่อการซ่อมแซมบูรณะหลังคาศาลาบนม่อนพระธาตุ สร้างห้องน้ำ ปรับปรุงสนามกีฬาต่างๆ บริจาคปัจจัยสำหรับอาหารสุนัขและแมว ปัจจัยจัดหาเสนาสนะจำเป็นต่างๆ สามารถโอนเงินเข้าบัญชี พระเมธวัจน์ ยศศิริญาณภัทร์ ธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี 035-3-65767-4 หรือที่โทร. 093-152-1652 , 092-483-5340
///ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์