เชียงรายร่วม GISTDA พัฒนาระบบข้อมูล COVID-19 iMap Platform ครอบคลุมฐานเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การค้า เชื่อมโยงข้อมูลทุกจังหวัด

***เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 24 พ.ย.2564 ที่ห้องบอลล์รูม ร.ร.เฮอริเทจ เชียงราย นายบัญชา เชาวรินทร์ รองผวจ.เชียงราย เปิดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ระบบบริหารสถานการณ์รองรับการแพร่ระบาดโควิด 19 ของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA  ร่วมกับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในสังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) จากผลดำเนินงานวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์เพื่อรองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เพื่อพัฒนาเป็นเครื่องมือสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีนางกานดาศรี  ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวรายงาน มีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ตามจำนวนและมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หลังพิธีเปิดเป็นการเสวนาหัวข้อ COVID-19 iMap Platform ทางเลือกเพื่อการตัดสินใจ โดยมี นายวิสูตร บัวชุม ผอ.ททท.สำนักงานเชียงราย นายสันติภาพ สวัสดี นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย นายเดชณรงค์ มูลพร้อมคะ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ สำนักงานแรงงานจังหวัดเชียงราย และนางกานดาศรี  ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA ร่วมเสวนา

***นางกานดาศรี ลิมปาคม รองผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นโครงการที่ใช้ภูมิสารสนเทศมาช่วยวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด เพื่อนำไปสู่การควบคุมพื้นที่ได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ รองรับการพัฒนาเพื่อการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ระดับจังหวัด เป็นระบบแสดงผลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการต่างๆ ในระดับพื้นที่ 5 จังหวัดต้นแบบ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก ชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งจังหวัดเชียงรายเป็นพื้นที่สำคัญที่มีการค้าชายแดน มีหน่วยงานสนับสนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ ศูนย์การค้าและการเงิน (แม่สาย) ศูนย์การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและท่าเทียบเรือนานาชาติ (เชียงแสน) และศูนย์โลจิสติกส์ อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (เชียงของ)

***เมื่อเกิดการระบาดของโควิด-19 เชียงรายจึงได้รับผลกระทบทั้งด้านการค้าและแรงงาน GISTDA จึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบบูรณาการข้อมูลที่เรียกว่า “COVID-19 iMap Platform” เป็นเครื่องมือให้กับศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) และศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคจังหวัด (ศปกจ.) โดยเชื่อมโยงข้อมูลด้านภูมิสารสนเทศที่มีอยู่จำนวนมาก ได้แก่ ข้อมูลที่ตั้งของสถานที่ ข้อมูลด้านสาธารณสุข เศรษฐกิจ และจำนวนประชากร จากหน่วยงาน 9 กระทรวง 17 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ กองบัญชาการกองทัพไทย และสภากาชาดไทย พัฒนาให้เป็นระบบศูนย์กลางข้อมูล (Data Center) เพื่อใช้ติดตามสถานการณ์ เฝ้าระวัง วิเคราะห์ วางแผน และสนับสนุนการทำงานเพื่อประกอบการตัดสินใจในการบริหารจัดการทรัพยากรด้านสาธารณสุข ฟื้นฟูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์อย่างทันท่วงที

***นางกานดาศรี กล่าวอีกว่า ในปีงบประมาณ 2564 GISTDA ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) เพื่อการวิจัยโครงการพัฒนาระบบบริหารสถานการณ์รองรับการแพร่ระบาดโควิด-19  ซึ่งนอกจากการขยายระบบเพื่อให้สามารถรองรับผู้ใช้งานได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังพัฒนาให้รองรับการบริหารจัดการในระดับพื้นที่เชื่อมโยงกับจังหวัดโดยนำข้อมูลมาวิเคราะห์และแสดงผลในรูปแบบของแผนที่ดิจิทัลนำมาสรุปให้เห็นเป็นภาพในหน้าเดียว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหรือมาตรการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ประกอบการกำหนดมาตรการต่างๆ เมื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามนโยบายรัฐบาล ทีมผู้วิจัยได้พัฒนาดัชนีชี้วัดความปลอดภัยต่อการติดเชื้อโควิด-19 (COVID-19 Safety Index) ให้มีส่วนแสดงผล 3 ส่วน ได้แก่ 1) แสดงผลการวิเคราะห์ความปลอดภัยของพื้นที่ต่อการติดเชื้อโควิด-19 เพื่อแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างตรงจุด 2) แสดงผลการคาดการณ์รายได้จากภาคการท่องเที่ยว เมื่อจังหวัดเริ่มมีการฟื้นตัว 3) แสดงผลภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ในระดับอำเภอ และพัฒนา Dashboard COVID-19 iMAP Platform มาใช้ในพื้นที่จังหวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

***นายบัญชา เชาวรินทร์ รองผวจ.เชียงราย กล่าวว่า สืบเนื่องจากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิดมีจำนวนมากในหลายส่วน ซึ่งยังไม่มีการจัดระบบข้อมูลให้สามารถนำมาใช้กำหนดมาตรการต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเข้ามาจัดระบบข้อมูลในรูปแบบแพลตฟอร์มของ GISTDA จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ทุกจังหวัด ไม่เพียงจังหวัดเชียงรายจังหวัดเดียว ซึ่งข้อมูลที่จะแสดงรายละเอียดต่างๆได้คลอบคลุม เช่น จำนวนผู้ป่วย จำนวนเตียง จำนวนวัคซีน ในแต่ละพื้นที่มีจำนวนเท่าไหร่ เพื่อนำมาออกมาตรการต่างๆเพื่อสนับสนุนหรือแก้ไขสถานการณ์ตามแต่ละพื้นที่ ที่ต้องมีแผนการรองรับที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับมาเพื่อให้เหมาะสมตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่ วันนี้ทาง GISTDA นำแพลตฟอร์มที่ได้ออกแบบและพัฒนาแล้วมานำเสนอ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาเพิ่มเติมและแก้ไขให้ตรงตามข้อมูลข้อเท็จจริงของแต่ละพื้นที่ ซึ่งข้อมูลที่ได้ยังมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ เศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวด้วย

***ด้านสถานการณ์โควิด 19 ของจังหวัดเชียงราย ขณะที่จังหวัดเชียงรายจะเปิดจังหวัดตั้งแต่1 ธ.ค.2564 นี้เป็นต้นไป ตัวเลขการฉีดวัคซีนของชาวเชียงรายมีผู้ฉีดวัคซีนแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเปิดจังหวัดและเปิดประเทศ จังหวัดเชียงรายมีนักเรียนฉีดวัคซีนแล้วเกือบ 90 % ด้านบุคลากรท่องเที่ยวมีผู้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 60 % คาดว่าภายในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2564 จะมีประชาชนฉีดวัคซีนเกิน 70 % ขึ้นไปแน่นอน เมื่อมีประชาชนในจังหวัดฉีดวัคซีนเกิด 70% แล้ว จะทำให้ภาวการณ์แพร่ระบาดลดลง อัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตน้อยลง การเปิดจังหวัดก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่จะเดินทางมาเยือนเชียงรายมากขึ้น นายบัญชากล่าว

/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์